
keyword คืออะไร
Keyword หรือ คีย์เวิร์ด คือคำหรือวลีที่ใช้เพื่อระบุเนื้อหาที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องการค้นหา โดยคีย์เวิร์ดมักจะเป็นคำที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา เช่น คำว่า “ร้านอาหารใกล้ฉัน” หรือ “ซื้อสมาร์ทโฟนราคาถูก” เมื่อมีผู้ใช้คำเหล่านี้ในการค้นหาข้อมูลบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google เว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในเนื้อหามักจะปรากฏในผลการค้นหา ทำให้คีย์เวิร์ดเป็นองค์ประกอบสำคัญใน SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
keyword สำคัญอย่างไร? ทำไมต้องใส่ใจกับคำเล็กๆ คำหนึ่ง
คีย์เวิร์ด (Keyword) นั้นเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่นำพาผู้คนให้มาพบกับเว็บไซต์ของคุณบนโลกออนไลน์ครับ คิดง่ายๆ ก็คือ เมื่อผู้คนต้องการหาข้อมูลอะไรสักอย่าง พวกเขาจะพิมพ์คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องลงในช่องค้นหาของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่นๆ คำที่พิมพ์ลงไปนั้นแหละคือคีย์เวิร์ด
- เชื่อมโยงผู้คนกับเนื้อหา: คีย์เวิร์ดเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความต้องการของผู้ใช้กับเนื้อหาที่คุณนำเสนอบนเว็บไซต์ ยิ่งคุณใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหาเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะเจอเว็บไซต์ของคุณก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
- เพิ่มอันดับในผลการค้นหา: เมื่อเครื่องมือค้นหาพบว่าเว็บไซต์ของคุณมีคีย์เวิร์ดที่ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้ เว็บไซต์ของคุณก็จะมีโอกาสขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา ทำให้มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น
- ดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย: การใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าหรือบริการของคุณได้อย่างตรงจุด
- เพิ่มยอดขาย: เมื่อมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น โอกาสที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของคุณก็จะเพิ่มตามไปด้วย
- สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก: การติดอันดับสูงในผลการค้นหาจะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ประเภทของคีย์เวิร์ด (Keyword) เพื่อการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ
คีย์เวิร์ด (Keyword) นั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความสำคัญและเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจประเภทของคีย์เวิร์ดจะช่วยให้คุณเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับเนื้อหาของคุณ และทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหาแบบ seo ได้ดียิ่งขึ้น
1. คีย์เวิร์ดทั่วไป (Generic Keyword)
- ลักษณะ: เป็นคำที่ใช้ค้นหาทั่วไป มีปริมาณการค้นหาสูง แต่การแข่งขันก็สูงตามไปด้วย
- ตัวอย่าง: “รองเท้า”, “โทรศัพท์มือถือ”, “เที่ยวทะเล”
- ข้อดี: สามารถดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมากได้
- ข้อเสีย: การแข่งขันสูง ทำให้ยากที่จะติดอันดับต้นๆ ในผลการค้นหา
2. คีย์เวิร์ดเฉพาะ (Long-Tail Keyword)
- ลักษณะ: เป็นวลีที่ประกอบด้วยคำหลายคำ มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
- ตัวอย่าง: “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิงไซส์ 36”, “โทรศัพท์มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท”, “แพ็คเกจทัวร์เกาะเสม็ด 3 วัน 2 คืน”
- ข้อดี: การแข่งขันต่ำกว่าคีย์เวิร์ดทั่วไป มีโอกาสติดอันดับสูงได้ง่ายขึ้น
- ข้อเสีย: ปริมาณการค้นหาอาจจะน้อยกว่า
3. คีย์เวิร์ดแบรนด์ (Brand Keyword)
- ลักษณะ: เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับชื่อแบรนด์ของคุณโดยตรง
- ตัวอย่าง: “Nike”, “Apple”, “Coca-Cola”
- ข้อดี: ช่วยให้ผู้ที่รู้จักแบรนด์ของคุณสามารถค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่าย
- ข้อเสีย: อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างแบรนด์
4. คีย์เวิร์ดตามเจตนา (Intent-Based Keyword)
- ลักษณะ: เป็นคีย์เวิร์ดที่สะท้อนถึงเจตนาของผู้ค้นหา
- Informational: คีย์เวิร์ดที่ใช้เพื่อหาข้อมูล เช่น “วิธีทำไข่เจียว”
- Navigational: คีย์เวิร์ดที่ใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์โดยตรง เช่น “เว็บไซต์โรงเรียน”
- Transactional: คีย์เวิร์ดที่ใช้เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น “ซื้อรองเท้าฟุตบอล”
- Commercial: คีย์เวิร์ดที่ใช้เพื่อเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการ เช่น “ราคาโทรศัพท์มือถือ Samsung”
- ข้อดี: ช่วยให้คุณเข้าใจเจตนาของผู้ค้นหาและปรับเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
5. คีย์เวิร์ด LSI (Latent Semantic Indexing)
- ลักษณะ: เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลักของคุณในเชิงความหมาย
- ตัวอย่าง: ถ้าคีย์เวิร์ดหลักคือ “รองเท้าวิ่ง” คีย์เวิร์ด LSI อาจจะเป็น “รองเท้ากีฬา”, “ออกกำลังกาย”, “ลดน้ำหนัก”
- ข้อดี: ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น
สรุป
คีย์เวิร์ดมีความสำคัญอย่างมากในโลกของดิจิทัลและการทำ SEO เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับเนื้อหาอย่างเหมาะสม ช่วยให้เว็บไซต์มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้งานที่เข้ามาค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์